เรื่องสั้น "ผ้ากันเปื้อนลายดอกฯ"
ผ้ากันเปื้อนลายดอกนางพญานิรมลคือชีวิตใหม่ของเธอ
ตุ้บ!
เสียงรองเท้าของเด็กผู้หญิงร่างบางกับผมสีดำยาววัยสิบสี่ปีที่กระโดดลงจากกำแพงรั้วสีขาวนวลมากระทบกับพื้นถนนคอนกรีต
เธอรู้ดีว่าการกระทำแบบนี้มันคงจะทำให้คนที่อยู่หลังกำแพงนั่นไม่ชอบเป็นแน่ แต่ทำอย่างไรได้ความท้าทายรอเธออยู่ตรงนี้แล้ว ความอิสระกำลังเชื้อเชิญให้เธอเดินออกจากจุดนี้ แสงไฟสีแสดที่สาดส่องยามราตรีบนท้องถนนกำลังดึงดูดให้เธอก้าวออกห่างจากกำแพงนั่นเรื่อย ๆ
.........
เวลาผ่านไปห้าปี กระถินได้เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และปัจจุบันนี้เพื่อนร่วมงานของเธอก็คงไม่รู้จักเธอในนามของ ‘กระถิน’ อีกแล้ว เพราะหลังจากที่เธอได้หนีออกมาจากสถานที่แห่งนั้น สถานที่ที่เธออยู่มาตั้งแต่เด็ก สถานที่ที่เธอถูกเลี้ยงดูมาด้วยบุคคลที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ไม่ใช่พ่อหรือแม่ผู้ให้กำเนิด สถานที่ที่เธอมีเพื่อน มีพี่ มีน้องมากมายซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนมีสาเหตุเดียวกับเธอจึงได้มาอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ เธอได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘ลออ’ และชื่อนี้จะถูกเรียกขานในอาชีพของเธอตลอดไป
.........
ชีวิตของลออเร่ร่อนเหมือนคลื่นในทะเลที่ซัดไปมา กระทบฝั่งและสะท้อนกลับไป ไม่มีจุดสิ้นสุด ในคืนวันนั้นเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอเดินไปตามทางบนถนนคอนกรีตโทรม ๆ ในซอยเปลี่ยว ไม่มีรถวิ่งผ่านไปมา มีแต่แสงไฟสองข้างทางที่สว่างเป็นระยะให้เธอได้คลายจากความกลัว และความกังวลใจไปสักพัก
หลายวันต่อมา ลออลืมตาตื่นขึ้นจากการปลุกของสุนัขเจ้าถิ่น เธอร่อนเร่มาไกลพอสมควร
ไกลพอที่จะแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาพบเจอเธอ และเธอก็ได้มานอนอยู่ที่หน้าร้านข้าวมันไก่ของครอบครัวชาวจีนที่อพยพมาอยู่ในประเทศไทย และตั้งหลักปักฐานอย่างมั่นคงจนกระทั่งประสบความสำเร็จและมีสูตรข้าวมันไก่เป็นของตัวเอง ทีแรกซ้อศรีมาศคนไทยแท้ที่ได้สามีเป็นคนจีนจะไม่รับเธอเข้ามาทำงานในร้าน ด้วยความที่ซ้อศรีมาศเป็นผู้หญิงขี้ระแวง และไม่ไว้ใจในตัวของลออที่ยังเป็นเด็กผู้หญิงอยู่ ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่ด้วยความสงสารของเฮียตี๋เจ้าของร้านข้าวมันไก่และเป็นสามีสุดรักสุดหวงของซ้อศรีมาศจึงได้ตกลงปลงใจรับลออเข้ามาอยู่ด้วยในฐานะลูกจ้าง
ลออทำงานอยู่ในร้านข้าวมันไก่มาได้สองปี แต่ด้วยนิสัยที่ถูกขัดเกลามาไม่มากพอ ทำให้เธอเกิดความคิดจะตีท้ายครัวซ้อศรีมาศ โดยหวังจะมีส่วนร่วมในมรดกของตระกูลร้านข้าวมันไก่แห่งนี้ จึงใช้ความสาว และเสน่ห์ของผู้หญิงทำให้เฮียตี๋เริ่มหลงใหล และแอบมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งตามแรงสวาทกันอยู่หลายครั้งจนกระทั่งในคืนหนึ่งที่ซ้อศรีมาศออกไปงานศพของเพื่อนที่ศาลเจ้าในหมู่บ้าน ทั้งลออและเฮียตี๋ต่างรู้กันและกันดีว่านี้คือโอกาสที่จะแอบมาเสพสุขด้วยกันอีก และเหตุการณ์ที่ทั้งคู่ไม่คาดคิด และไม่อยากจะคิดก็เกิดขึ้น ซ้อศรีมาศด้วยความที่เป็นห่วงสามีของตนว่าจะไม่มีคนทำกับข้าวให้กิน และด้วยอาการป่วยของเฮียตี๋ที่เจ็บออด ๆ แอด ๆ มานานจากการตื่นขายข้าวมันไก่ในทุกเช้าจึงจะกลับมาดูแล ก็ได้มาเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบเดียวกับละครน้ำเน่าหลังข่าวที่ทุกคนคงทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
ลออถูกไล่ออกจากร้านข้าวมันไก่ และซ้อศรีมาศก็ขอหย่าร้างกับเฮียตี๋ทันทีด้วยความไม่ไว้ใจ และทั้งคู่ยังไม่ได้มีลูกด้วยกันแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเฮียตี๋จะเป็นคนจีนที่ไม่ติดเรื่องการมีภรรยาหลายคน แต่ซ้อศรีมาศเป็นลูกคนไทยที่เคยขอเฮียตี๋กับเรื่องนี้ไว้แล้วว่าให้มีซ้อศรีมาศแค่คนเดียว ด้วยสาเหตุนี้ หัวใจที่มันแหลกสลายและไม่เหลือความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงทำให้ซ้อศรีมาศตัดสินใจเลิกรา และแยกย้ายกันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเอง
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นลออได้เดินหลงมาในแหล่งบันเทิงของย่านนี้ มันเต็มไปด้วยแสงสีเสียง ภาพตรงหน้าของเธอคือฉากของร้านเหล้าเบียร์ และสถานโลมเมือง ที่มีตัวละครเป็นหญิงชายหลากเพศหลายวัยต่างขวักไขว่กับการปรนเปรอความสุข และการมอบความสุขทางกายให้กันและกัน เธอถูกชักชวนให้มาทำงานในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง อายุของเธอมีเพียงสิบหกปี แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่มีอายุน้อยที่สุดสำหรับหญิงสาวพนักงานในร้านแห่งนี้ ด้วยงานที่ใช้เพียงร่างกายก็สามารถสร้างเงินได้หลายบาทในคราเดียว เธอจึงสนุกไปกับมันและคิดว่าอาชีพนี้คงเหมาะสมกับเธอที่สุดในตอนนี้
ปัจจุบันเวลาผ่านไปสามปี ตอนนี้ระดับค่าตัวของเธอก็สูงขึ้นด้วยประสบการณ์และระยะเวลาทำให้เธอเป็นที่นิยมในเหล่าลูกค้าผู้เสพสุขไม่น้อย หากเธอนั่งคิดย้อนไปเมื่อห้าปีที่แล้วเธอไม่คงเสียใจเลยที่หนีออกมามีชีวิตเป็นของตัวเอง เธอรู้สึกว่าเธอโชคดีที่ได้ออกมาจากที่นั่น และเธอก็ยังคงคิดแบบนี้ต่อไป
การทำงานของเธอวันนี้ก็คงเป็นเหมือนเช่นทุกวันที่จะมีผู้ชายมากหน้าหลายตาแวะมาชื่นชม
เรือนร่างของเธอเช่นเดียวกันกับเสี่ยคนนี้...
“สวัสดีค่ะเสี่ยชัยวุฒิ วันนี้เข้ามารับบริการถึงร้านของเราสนใจน้องคนไหนเป็นพิเศษไหมคะ...บอกแต๋วได้นะคะ” เจ๊แต๋วผู้จัดการร้านเอ่ยแนะนำเสี่ยชัยวุฒิที่เป็นชายร่างท้วมตัวสูง ดูมีอายุและน่าจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลในย่านนี้อยู่ไม่น้อย และเขาคงมาร้านนี้หลายครั้งแล้วเช่นกัน เพราะตัวลออเองก็คุ้นหน้าคุ้นตาเสี่ยชัยวุฒิอยู่เหมือนกัน
“ฉันต้องการพบลออ ได้ยินข่าวว่าเด็กคนนี้มีของ อยากลองสักครั้งว่าของมันจะเด็ดจริงไหม” เธอตกใจมากที่ได้ยินชื่อของเธอออกมาจากปากของเสี่ยชัยวุฒิ เธอรู้ว่าทำงานนี้ต้องเจอผู้ชายหลายรูปแบบ และเธอก็เจอมามากพอที่จะรับมือได้ แต่ทำไมตอนนี้เธอรู้สึกประหม่าที่เสี่ยชัยวุฒิต้องการเธอ
ลออเดินนำเสี่ยชัยวุฒิมาที่ห้องแถวหลังร้าน ซึ่งทุกคนจะทราบกันดีว่าห้องแถวนี้มีไว้ทำอะไร
พวกเขาทั้งคู่ได้เข้าไปที่ห้องหมายเลขศูนย์หนึ่งสาม ลออเริ่มเล้าโลมเสี่ยชัยวุฒิตามลำดับของการทำงาน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเสี่ยชัยวุฒิได้ห้ามการเล้าโลมของลออ และได้ขอนั่งพูดคุยกับเธอเสียก่อน
“เธอรู้ไหม ว่าเธอทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งที่ฉันทำให้เขาเกิดมา แต่ฉันไม่ได้เลี้ยงดูเขา” เสี่ยชัยวุฒิพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดในห้องหมายเลขศูนย์หนึ่งสาม “เธอมาทำงานแบบนี้พ่อแม่เธอไม่ว่าเหรอ?”
“หนูไม่มีพ่อแม่หรอกค่ะ หนูหนีมาจากสถานสงเคราะห์ได้ห้าปีแล้ว” ลออตอบไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับตัวของเธอ
“อ่าวแล้วเธอไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่ตอนไหน” เสี่ยชัยวุฒิถามต่อ
“จำความได้ก็ถูกเลี้ยงมาในสถานสงเคราะห์แล้ว” ลออตอบกลับและขยายความต่อว่า “ไม่รู้ว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่มีหน้าตาเป็นยังไง”
“วันนี้เธอไม่ต้องมีอะไรกับฉันหรอกนะ เอาเงินนี้ไปและไปตั้งตัวเสีย ชีวิตเธอตอนนี้น่าจะไปได้ไกลกว่านี้” เสี่ยชัยวุฒิพูดและมอบเงินก้อนหนึ่งมาให้ลออ ก็เป็นเงินที่มีค่าพอสมควรสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของใครบางคน
.........
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ภาพที่ทุกคนควรจะเห็นคือลออจะต้องมีอาชีพที่มั่นคง และสามารถเลี้ยงตัวเองได้ แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย มันกลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ลออเอาเงินก้อนนั้นไปเข้าบ่อนการพนัน และตอนนี้เธอก็เป็นหนี้อยู่จำนวนไม่น้อย ผู้หญิงในวัยเพียงสิบเก้าปี ที่ในวัยนี้หลายคนกำลังเล่าเรียน หลายคนกำลังทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพตน แต่เธอต้องมาทำงานเพื่อชดใช้หนี้สินที่เธอสร้างมันจากการเสียพนันครั้งแล้วครั้งเล่า เธอทำได้เพียงโทษโชคชะตาชีวิต โทษดวง โทษเคราะห์ โทษคนในวงพนันที่ทำให้เธอต้องสูญเสีย แต่ก็ทำได้แค่ตัดพ้อ และก้มหน้าชดใช้มัน
ซึ่งการชดใช้พนันในครั้งนี้มันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด...
เธอถูกใช้งานทุกอย่างสารพัดสารเพ พวกเขาทำเหมือนเธอไม่ใช่มนุษย์ ข้าวปลาก็ตกถึงท้องเธอได้แค่มื้อเย็น เพราะเธอได้รับอาหารแค่นั้น แค่นั้นจริง ๆ เวลานอนของเธอมีเพียงวันละสองถึงสามชั่วโมง เพราะเธอต้องตื่นขึ้นมาเตรียมบ่อนให้พร้อมรับลูกค้ายามเช้ามืด เธอทนกับการชดใช้หนี้มาสัปดาห์กว่าแล้ว จนกระทั่งวันนี้เธอได้ทำงานทุกอย่างตามปกติ เธอแต่งตัวมอซอตามที่พวกเขาจัดเตรียมชุดไว้ให้เธอ แต่วันนี้มันมีสิ่งใหม่บนร่างกายของเธอคือผ้ากันเปื้อนสีแดงสดลายดอกนางพญานิรมลสีชมพูที่เธอนำมาสวมใส่ไว้ระหว่างทำงาน และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอได้เจอกับเจ้าของบ่อนอีกครั้ง
“นางนี่เหรอที่มันติดหนี้ฉัน” เสี่ยใหญ่เจ้าของบ่อนรายนี้พูดขึ้น พร้อมกับเอามือคว้าที่คางของลออ เพื่อบังคับหน้าของเธอให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจน
ในสายตาของลออไม่มีคำว่าสลดและอยากจะขอร้องอ้อนวอนแต่อย่างใด มันมีแต่คำว่าน่าสมเพช มีแต่ความโกรธที่มันสื่อมาจากจิตใจของเธอที่มีไฟแห่งความแค้นลุกโชนอยู่ตอนนี้
“ปล่อยฉันไอ้แก่โสโครก” ลออพูดพร้อมกับพยายามสะบัดใบหน้าให้หลุดพ้นกับการกระทำของเสี่ยเจ้าของบ่อนคนนี้
“ฉันคงปล่อยเธอไปไม่ได้หรอก เพราะชีวิตเธอเป็นของฉันแล้ว หนี้มหาศาลที่เธอสร้างไว้มันมากกว่าคุณค่าที่เธอมีตอนนี้เสียอีก”
หลังจากสิ้นประโยคดังกล่าว เจ้าของบ่นได้ข่มขืนลออด้วยความรุนแรง และใช้กำลังทำร้ายร่างกายของเธอ ทั้งคู่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาว โดยฝั่งผู้ชายกำลังสุขสมและสะใจในการกระทำของตน แต่ฝั่งผู้หญิงกับทรมาน ทั้งขัดขืน และดิ้นรนหาทางหนี แต่ก็มิอาจรอดพ้นน้ำมือของชายผู้ที่เอ่ยว่าเป็นเจ้าชีวิตตนไปได้
หลังเสร็จกิจเสี่ยเจ้าของบ่อนได้ออกจากห้องนี้ไป ทิ้งให้ลออนอนร้องไห้อยู่บนเตียง สภาพร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำสีม่วง สีเขียวเป็นจ้ำ ๆ ตามตัว ที่ปากของเธอมีรอยเลือด คงเดาไม่ยากว่าเธอต้องโดนชายคนนั้นตบปากมาเป็นแน่
ลออนอนเหม่อลอยกับชีวิตของเธอ เธอสมเพชและเวทนาตัวเองมาก ๆ เธอนอนร้องไห้จนน้ำตามันมีไม่มากพอที่จะไหลออกมา ประโยคหนึ่งของเสี่ยชัยวุฒิสอดแทรกเข้ามาในหัวของเธอ ‘เธอมาทำงานแบบนี้พ่อแม่เธอไม่ว่าเหรอ’ เธอกำลังคิดถึงบุคคลที่เสี่ยชัยวุฒิพูดถึง พ่อและแม่ของเธอเป็นใคร ทำไมถึงปล่อยให้เธอมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หลังสิ้นสุดความคิดนี้ เธอเห็นผ้ากันเปื้อนสีแดงลายดอกนางพญานิรมลสีชมพูของเธอที่วางกองอยู่กับเสื้อผ้าชิ้นอื่น ๆ ของเธอบนพื้น เธอเอื้อมมือไปหยิบมัน และสิ่งที่ปรากฏในแววตาของเธอคือขื่อไม้ที่อยู่บนเพดานของห้องนี้ เธอเอาเก้าอี้กลมตัวสีดำมาวางไว้ให้ตรงกับขื่อนั่น เธอได้ก้าวขาขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ตัวนั้น เธอจัดการใช้ผ้ากันเปื้อนสีแดงลายดอกนางพญานิรมลสีชมพูของเธอผูกเป็นปมห่วงไว้กับขื่อ เธอยืนมองห่วงผ้าตรงหน้าสักพัก แต่ก็ไม่มีความคิดใด ๆ ที่จะมาทำให้เธอเปลี่ยนการตัดสินใจนี้ เธอยื่นศีรษะเข้าไปในห่วงผ้านี้ คล้องมันไว้ที่ใต้คาง ร่างกายอันเปลือยเปล่าของเธอถูกควบคุมด้วยห่วงผ้านี้แล้ว และสิ่งสุดท้ายที่เธอกำลังจะทำคือการเตะเก้าอี้สีดำตัวกลมนั้นออกไปให้พ้นปลายเท้าของเธอ สิ่งที่เธอกระทำอยู่ตอนนี้ มันคงเจ็บมาก ๆ แต่เธอรู้อยู่ในจิตใจของเธอดีว่ามันคงไม่เจ็บเท่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดในชีวิตของเธอ
ชื่อของเด็กหญิงกระถินที่ถูกปิดตำนานไปเมื่อห้าปีที่แล้ว จนกลายเป็นนางสาวลออในวันนี้ มันก็คงเป็นเพียงชื่อของผู้หญิงกำพร้าคนหนึ่งที่ไม่ได้หายใจอยู่บนโลกใบนี้เสียแล้ว
.........
สิบเก้าปีที่แล้ว
(เสียงรายการข่าวเช้าทางวิทยุ)
พบทารกแรกคลอดเพศหญิงถูกทิ้งที่ถังขยะบริเวณใต้สะพานลอย คาดว่าผู้เป็นแม่ไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดูจึงตัดสินใจนำมาทิ้งไว้ ตอนนี้ทารกปลอดภัยดี และได้อยู่ในการดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
โดยนาย ศุภวัฑฒ์ ใจเอื้อ , มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม