เรื่องสั้น “เน็ต ไอ เดี้ยง”


เน็ต ไอ เดี้ยง

 

น้ำใส เป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี ที่โด่งดังและมียอดผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย อินสตาแกรม มากถึงสองหมื่นกว่าคน เหตุผลที่เธอเป็นที่นิยมมากขนาดนี้ก็เพราะว่าเธอมีหน้าตาที่น่ารัก สดใส ผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากอมชมพู หุ่นดี เอวคอดกิ่ว ตรงตามมาตรฐานความงามที่มีผู้ใดก็ไม่ทราบวางเอาไว้ว่าผู้หญิงสวยต้องเป็นแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ฐานะครอบครัวทางบ้านของน้ำใสก็อยู่ในเกณฑ์ที่เรียกได้ว่าร่ำรวย โดยเธอบอกว่าคุณพ่อของเธอเป็นหนึ่งหนึ่งในคณะผู้บริหารของบริษัทชั้นนำของประเทศ แถมคุณแม่ของเธอก็ยังมีต้นตระกูลเป็นผู้ดีเก่าอีกด้วย

           “นี่ทุกคน ทานง่ายมาก ๆ ไม่เปรี้ยว ไม่ฝาดเลยค่ะ เดี๋ยวน้ำใสดื่มให้ดู” เสียงเจื้อยแจ้วกับท่าทางน่ารักของเธอก็เป็นอีกอย่างที่ดึงดูดให้คนมาชอบ ยิ่งพวกแบรนด์ต่าง ๆ เห็นว่าเน็ตไอดอลน้ำใสกำลังมาแรงก็พากันติดต่อเข้ามาให้เธอรีวิวสินค้าให้พวกเขา

           นิ้วเรียวกดปิดกล้องแล้วยกน้ำขึ้นดื่มทันที “แหวะ เปรี้ยวขนาดนี้ ใครกินไหวก็กินไปเลย ถ้าจะอยากขาวกันขนาดนั้นก็เชิญ” ว่าจบก็ดื่มน้ำไปอีกหลายอึก

           “น้ำ น้ำเอ้ย ไปตลาดกับแม่หน่อยเร็ว” น้ำใสได้ยิน แต่ทำเป็นหูทวนลม จนแม่ของเธอต้องเรียกซ้ำอีกหลายครั้ง น้ำใสตอบออกไปเพื่อตัดรำคาญ

           “ไม่ไป ขี้เกียจ” น้ำใสพูดเสียงดังตอบพลางเลื่อนดูคอมเมนต์ที่แฟนคลับส่งเข้ามาอย่างสบายใจ เพราะใคร ๆ ก็ชอบเธอ มีแต่คนชมว่า สวยอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้ เลื่อนมาตั้งนานยังไม่เจอคอมเมนต์ทางลบเลย

           “อยากให้น้ำใสทำรูมทัวร์? หึ รอไปเถอะ” เธอแค่นหัวเราะในลำคอก่อนลงมือพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

namsai_ppn : รอน้ำใสแต่งห้องใหม่ก่อนนะคะ ว่าจะติดไฟสีเพิ่ม แล้วจะถ่ายมาอวดนะคะ

 

           ห้องของน้ำใสสวยไม่พอจะไปอวดใครหรอก ถ้าถ่ายห้องเน่า ๆ แบบนั้นไปลง เธอคงอายแย่ ก็ห้องที่เป็นพื้นหลังในการถ่ายคลิปกับไลฟ์พูดคุยของน้ำใส มันก็เป็นแค่มุมหนึ่งของห้องเท่านั้น จะแต่งทั้งห้องก็คงไม่ได้เพราะบ้านนี้ก็เก่าแล้ว แกะตรงนั้นรื้อตรงนี้ก็คงพังหมด อีกทั้งห้องนั้นน้ำใสต้องใช้ร่วมกับน้องสาวอีกคนที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว และเจ้าหล่อนก็รำคาญการดัดเสียงพูดจานู่นนี่ของน้ำใสเหลือเกิน

           “อายห้องเพราะบ้านจนก็บอกเขาไปตรง ๆ เถอะพี่น้ำ”

           “เงียบไปเลยยัยหวาน ฉันขอความคิดเห็นจากแกหรือยัง?”

           ใช่ เรื่องฐานะทางบ้าน น้ำใสโกหก พ่อของน้ำหวานทำงานบริษัทก็จริงแต่ก็เป็นแค่พนักงาน เงินเดือนก็ไม่เท่าไหร่ โดนจับย้ายแผนกไปเรื่อยทำให้หน้าที่การงานไม่ก้าวหน้าแต่ก็ไม่กล้าลาออกเสียที ส่วนแม่ก็เป็นศิลปินรับวาดภาพ ได้เงินดีแต่ก็ไม่มั่นคง บ้านที่น้ำใสอยู่เป็นบ้านของปู่กับย่าที่เสียชีวิตไปแล้ว พ่อไม่ยอมซื้อบ้านใหม่ ก็เลยต้องทนอยู่บ้านเก่า ๆ หลังนี้ต่อไป

           “แกคอยดูนะยัยหวาน ฉันจะเป็นดาราให้ได้เลย แล้วฉันจะพาพ่อแม่แล้วก็แกไปอยู่บ้านใหม่ใน กรุงเทพ ฯ ” น้ำใสเองก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่น และหวังจะใช้หน้าตาของตัวเองให้เป็นประโยชน์ การได้เขาไปอยู่ในวงการบันเทิงเป็นความฝันของเธอ เพราะน่าจะเป็นงานที่รายได้ดีและไม่เหนื่อยมาก

           “ดาราเขาต้องเริ่มจากการจริงใจก่อนนะพี่น้ำ พี่เล่นโกหกแบบนี้ใครเขาจะอยากจ้าง” น้ำหวานเอ่ยขัด แน่นอนว่ามันทำให้น้ำใสไม่พอใจ

           “ก็อย่าให้ใครรู้สิ เพื่อนที่โรงเรียนเราก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้ แล้วใครมันจะมาสอดรู้กับเราได้อีก”

           น้ำใสตอบกลับไปอย่างนั้น น้ำหวานเองก็ไม่อยากไปต่อความอะไรกับพี่สาวคนนี้จึงปล่อยให้เธอนอนอ่านคอมเมนต์บนโลกออนไลน์ที่เจ้าตัวติดนักติดหนาต่อไป

           

ชีวิตของน้ำใสเป็นแบบนั้นมาเรื่อย ๆ รับงานรีวิวราคาไม่แพง บางวันก็ไลฟ์คุยเล่นให้แฟนคลับส่งของขวัญให้ จนกระทั่งวันหนึ่ง มีบัญชีปริศนาถูกพบใต้คอมเมนต์โพสต์ของน้ำใสที่เพิ่งลงรูปไป

           namsaixsecret : อยากรู้ความลับของน้ำใสไหม ติดตามมาสิ ครบห้าร้อยแล้วจะเฉลย

 

           “กรี๊ดดดดด! นี่มันเป็นใครเนี่ย มารู้ความลับอะไรของฉัน!” น้ำใสเห็นแล้วก็รีบสลับไปใช้บัญชีลับแล้วกดขอติดตามบัญชีปริศนาที่ว่านั้นทันที เธอถูกยอมรับเข้าเป็นผู้ติดตามในหนึ่งนาทีต่อมา ในบัญชีนั้นมีอยู่แค่สองโพสต์ แต่โพสต์แรกนั้นลงไว้เมื่อประมาณสามเดือนก่อน เป็นรูปของน้ำใสบนรถประจำทาง พร้อมคำอธิบายใต้ภาพว่า “เจอน้ำใสคนสวยบนรถสองแถวเฉยเลย นึกว่าจะนั่งแต่รถส่วนตัวของคุณพ่อ แต่น้องน่ารักมาก ตัวขาวจั๊วะเลย”

           “โรคจิต! กรี๊ดดดด! มันเป็นใคร ฉันต้องรู้ให้ได้!”

           “มีอะไรพี่น้ำ เสียงดังทำไม” น้ำหวานเปิดประตูห้องเข้ามาเพราะได้ยินเสียงพี่สาวโวยวาย เธอวิ่งเข้ามานั่งบนเตียงของน้ำใสด้วยความเป็นห่วง

           “แกดู ใครก็ไม่รู้มันถ่ายรูปฉันแล้วเอาไปลง แล้วฉันนั่งรถสองแถวอยู่! จะทำยังไงดีเนี่ย” น้ำใสยื่นโทรศัพท์มือถือให้น้องสาวดู น้ำหวานหยิบมาเลื่อนหน้าจอดูทำให้เห็นภาพของพี่สาวตัวเองอยู่ในนั้น

           “ก็แค่รูปเองพี่น้ำ สองแถวอะพี่ ใคร ๆ ก็นั่งกัน ในรูปนี้หนูก็นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่เลย” เธอพยายามจะทำให้น้ำใสใจเย็นลง “มันก็แค่รูป ยังไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย”

           “แต่มันมาคอมเมนต์ใต้โพสต์ฉันว่ามันมีความลับของฉัน มันรู้อะไรมา หรือว่ามันจะรู้แล้วว่าบ้านเราจน มันเป็นใครกันแน่” น้ำใสยังคงตื่นตระหนก เธอลองล็อกอินเข้าบัญชีปริศนานั้นเพื่อดูว่าเจ้าของบัญชีนี้ใช้เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลอะไร แต่ก็ไม่คุ้นเลยสักนิด

           “พี่น้ำ มีสติหน่อยสิ พี่ไม่ต้องไปทำแบบนั้น ก็แค่รีพอร์ตมันไป เดี๋ยวหนูช่วยกด” น้ำหวานคว้าโทรศัพท์ของตัวเองมาเสิร์จหาชื่อบัญชีว่า namsaixsecret แล้วก็กดรายงานไปทันที “ไม่เป็นไรนะพี่น้ำ คนฟอลมันแค่นี้เอง พี่ก็ทำเฉย ๆ ไปเดี๋ยวคนก็ลืม”

           น้ำใสยังคงวิตกกังวลไม่เลิก น้ำหวานพยายามลูบไหล่ปลอบอารมณ์พี่สาวให้เย็นลง แล้วบอกเธอว่าให้ทำใจสบาย ๆ เพราะอีกไม่นานบัญชีนั้นก็คงถูกแฟนคลับของเธอรายงานจนหายไปแน่นอน น้ำใสเชื่อและเริ่มคลายกังวล แต่ไม่ได้ทำอะไรกับบัญชีปริศนานั้นอีกนอกจากรายงานมันไปเพราะกลัวจะเป็นที่สงสัย

           หลังจากวันนั้นไม่นาน จิตใจของน้ำใสก็กลับมาเหมือนเดิม เธอไม่เห็นบัญชีนั้นแล้ว พอลองกดค้นหาไปก็ยังเจออยู่แต่ยอดผู้ติดตามก็มีแค่แปดสิบกว่าคน เธอเดาว่าเหล่าแฟนคลับของเธอคงไม่ให้ค่าอะไรกับมันขนาดนั้นจึงปล่อยไป

 

           “ฮัลโหลค่าทุกคน วันก่อนน้ำใสสั่งกล่องสุ่มไป วันนี้ก็มาส่งแล้วนะคะ เรามาแกะดูไปพร้อม ๆ กันเลยดีไหมคะ น้ำใสจะโชว์ให้ดูว่าได้อะไรมาบ้างนะคะ” วันนี้ก็เช่นเคย เด็กสาวมาไลฟ์พูดคุยกับแฟนคลับเหมือนเดิมในแอปพลิเคชันสำหรับการไลฟ์ เพื่อให้ทุกคนส่งของขวัญมาให้เธอ น้ำใสทำตัวร่าเริงเหมือนเคย น้ำเสียงหวานใส พูดจาออดอ้อน แนบเนียนจนไม่มีใครรู้ว่าภายในใจเธอคิดอะไรอยู่

           “มันคุ้มมากเลยค่ะทุกคน น้ำใสสั่งจากร้านนี้นะคะ ตามโลโก้เลย คือได้ของเยอะมาก ๆ จนน้ำใสงงว่าแม่ค้าได้กำไรไหม ฮ่า ๆๆ ” เธอยังคงพูดเจื้อยแจ้วอยู่ แล้วก็เริ่มตอบคำถามยิบย่อยที่คนถามมา เช่น เรียนโรงเรียนอะไร น้ำหนักเท่าไหร่ สเปคผู้ชายที่ชอบ ไปจนถึงขนาดชุดนักเรียน น้ำใสเลือกตอบเฉพาะคำถามที่อยากจะตอบ แต่แล้วสายตาเธอก็ไปสะดุดเข้ากับคอมเมนต์หนึ่ง ที่ใช้ชื่อเดียวกับบัญชีปริศนานั้น

           namsaixsecret : ไม่มีใครอยากรู้ความลับของน้ำใสเลยเหรอ

           namsaixsecret : งั้นจะบอกตรงนี้เลยนะ

 

           น้ำใสตาเบิกกว้าง เธอกลัวว่าความลับนั้นจะพูดถึงฐานะที่บ้านของเธอ เด็กสาวพยายามกดบล็อกบัญชีนั้นออกจากไลฟ์ โดยที่ไม่ให้คนอื่น ๆ รู้สึกผิดปกติ แต่ก็มีคนเห็นข้อความนั้นจนได้

           “ไม่มีอะไรนะคะทุกคน เพื่อนน่าจะแกล้งค่ะ ชอบหยอกกันแรงอยู่เรื่อย”

 

           namsaixsecret : ความจริงบ้านมันจน ไม่ได้รวยเป็นคุณหนูอย่างที่อวดหรอก

           namsaixsecret : พูดจริง ฉันเห็นมากับตา

 

           ทันใดนั้นในคอมเมนต์ก็เริ่มวิ่งเร็วขึ้น เต็มไปด้วยคำถามว่าจริงหรือไม่ น้ำใสตกใจจนพูดไม่ออก หยาดน้ำใสเอ่อล้นขอบตาจนแทบจะไหลออกมา เมื่อถูกกดดันมากเข้า น้ำใสก็พลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกไป

           “อย่ามารู้ดีกับชีวิตฉันนะ! แกคิดว่าแกเป็นใคร มาใส่ร้ายกันแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ ฉันเป็นใครแกเป็นใครก็ให้มันรู้บ้าง ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกแกพูดหรอกนะ ไม่ได้กระจอกเหมือนแกด้วยที่เอาแต่หลบอยู่หลังคีย์บอร์ด แน่จริงก็เปิดหน้ามาคุยกันเลย!”

           หยาดน้ำใสไหลเปื้อนแก้มข้างหนึ่ง เธอปาดมันทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วก็กดปิดไลฟ์ไปด้วยความฉุนเฉียว

           พูดไปแล้ว เผลอพูดไม่ดีออกไปแล้ว

 

           เพราะตกใจจนควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ ทั้งระแวงว่าจะถูกแฉ ทั้งกลัวว่าแฟนคลับจะทิ้ง เธอยอมรับว่าเมื่อสักครู่ตนไม่มีสติเลย พยายามคิดที่จะแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดจาหยาบคายแบบนั้น ทั้งที่สร้างภาพลักษณ์ให้เป็นคนอ่อนหวาน แต่กลับสติหลุดให้แฟนคลับเป็นพัน ๆ คนเห็น เธอกลัว กลัวเหลือเกิน

           “พี่น้ำ มีอะไรอีก พี่น้ำร้องไห้ทำไม” น้ำหวานเพิ่งอาบน้ำเสร็จ พอเปิดประตูเข้าห้องมาก็เห็นพี่สาวตัวเองนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง เธอรีบรุดเข้าไปใกล้ทันที

           “หวาน มันรู้แล้ว พวกมันรู้เรื่องที่บ้านของเราแล้ว” เด็กสาวกล่าวน้ำเสียงสะอื้น “ทำยังไงดีหวาน ช่วยฉันคิดหน่อยสิ”

           “พี่น้ำ ตั้งสติ แล้วตอบหนู” น้ำหวานจับใบหน้าของพี่สาวขึ้นมาแล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ “แล้วพี่พูดอะไรตอบมันไปบ้าง”

           “ฉันก็ด่ามันกลับ ฉันถูกคอมเมนต์กดดัน ฉันก็เลยเผลอพูดไม่ดีออกไป ทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงต่อดี”

           “พี่น้ำ… ทำแบบนั้นมันก็ยิ่งแย่น่ะสิ”

           “ก็ฉันตกใจนี่! ฉันรู้แค่ว่า ต้องแก้ตัวตอนนั้น แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดไม่ดีเลยนะ ก็ไอ้แอคนั้นอยู่ ๆ มันก็โผล่มา แล้วบอกว่าจะแฉฉัน ฉันก็เลย…” น้ำใสพูดไม่ออก เธอเอามือปิดหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพัก แต่แล้วเธอก็เหมือนนึกบางอย่างออก “หรือว่าเป็นแก? น้ำหวาน แกหรือเปล่าที่เป็นคนแฉฉัน”

           “หนูจะทำแบบนั้นทำไมพี่น้ำ?” น้ำหวานเสียงดัง เธอผุดลุกออกจากเตียงทันที

           “ก็เวลาไอ้แอคนั้นมา แกก็ไม่เคยอยู่ในห้อง หรือที่ที่ฉันเห็น แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าไม่ใช่แก?”

           “พี่น้ำ ถ้าเป็นแบบนี้จะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วนะ หนูก็เป็นครอบครัวพี่ หนูจะทำอะไรแบบนั้นไปเพื่อ?”

           สองพี่น้องทะเลาะกันเสียงดัง น้ำใสจากเดิมที่คุมสติตัวเองไม่อยู่จากเรื่องที่ถูกแฉแล้ว ตอนนี้กลับยิ่งสติหลุดยิ่งขึ้นไปอีก เพราะความหวาดระแวงในตัวน้องสาวของตัวเอง ส่วนน้ำหวานก็พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้โกรธพี่สาวตัวเองเพราะถูกกล่าวหา

           “แต่คนที่รู้ว่าบ้านเราจนมันก็มีแค่แก นอกจากเรามันก็ไม่มีคนอื่นรู้ด้วยแล้ว”

           “ที่พี่พูด หนูจะถือว่าพี่ตกใจจนทำสติหล่นหายนะ ไว้พี่ใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”

น้ำหวานตัดบทไม่ต่อปากต่อคำกับน้ำใสอีก เด็กสาวพูดจบก็หันหลังแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากห้องไปทันที และคืนนี้คงไม่กลับเข้าไปนอนในห้อง ปล่อยให้พี่สาวตัวเองนอนร้องไห้คนเดียว ฝ่ายน้ำใสเองก็ยังคงไล่อ่านคอมเมนต์ที่ดีบ้างร้ายบ้าง คนบางส่วนยังคงสงสัยในตัวเธอ แต่บางส่วนก็กดเลิกติดตามเธอไปเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว น้ำใสเสียใจในการกระทำของตนแต่ก็แก้ไขสิ่งใดไม่ได้แล้ว เธอได้แต่นอนร้องไห้จนเหนื่อยและหลับไปเอง

 

เช้าวันถัดมา น้ำใสตื่นขึ้น ตาบวมจากการร้องไห้อย่างหนัก สิ่งแรกที่เธอทำคือการเช็กดูอินสตาแกรมของตัวเองว่าเหลือผู้ติดตามเท่าไหร่ และผู้คนแสดงความคิดต่อเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าพอเรื่องมันถูกกระจายออกไปชั่วข้ามคืน คนอื่น ๆ ก็รู้กันมากขึ้น แถมยังว่ากล่าวเธอแบบหยาบคาย น้ำใสปิดโทรศัพท์ของตัวเองลงด้วยความเสียใจ จากนั้นเพียงครู่เดียว น้ำหวานก็เปิดประตูห้องเข้ามา

“น้ำหวาน…”

“ไง พี่น้ำใส สงบได้หรือยัง”

“หวาน พี่… พี่ขอโทษ เมื่อคืนที่พี่พูดแบบนั้นกับแก พี่ขอโทษ” น้ำหวานยืนอยู่ในระดับพี่สูงกว่า เธอประคองศีรษะพี่สาวเธอมาซบที่หน้าท้องของตัวเอง โดยน้ำใสเองก็วาดแขนโอบกอดน้องสาวเพื่อรับการปลอบประโลม “เรื่องเล็กแค่นี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ยังไงก็ไม่รู้ พี่เสียใจ หวาน พี่..”

“หนูรู้ว่าพี่เสียใจ แต่พี่ต้องตั้งสติก่อนนะ ตอนนี้เท่าที่พี่ทำได้คือยอมรับความจริง แล้วก็บอกทุกคนไป”

“มันจะดีเหรอหวาน ถ้าคนเขาด่าฉันยิ่งกว่าเดิมล่ะ จะทำยังไง”

“แต่คนที่เข้าใจและพร้อมให้อภัยพี่มันก็ยังมี อย่างน้อยก็หนูคนนึง”

“หวาน..” เด็กสาวปาดน้ำตา เงยหน้ามองคนที่อ่อนกว่า “พี่ขอโทษจริง ๆ พี่เกือบทำให้ความเป็นพี่น้องของเรามันหายไป”

“ไม่เป็นไรเลย หนูไม่เคยโกรธพี่” มือเรียวเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้านวลอย่างบรรจง “อย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกก็พอ”

 

 

กล้องในโทรศัพท์มือถือถูกตั้งในมุมที่เหมาะสม ไฟห้องถูกจัดในโทนอ่อนนวล วันนี้น้ำใสแต่งหน้าแต่งกายเรียบร้อยกว่าปกติ เพื่อการชี้แจงครั้งสำคัญของเธอ

“เริ่มเลยนะพี่น้ำ” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า น้ำหวานกดเริ่มการถ่ายทอดสดทันที แม้เธอไม่ได้เข้าไปอยู่ในเฟรมกล้องด้วย แต่เธอก็อยู่ตรงนั้นและคอยอ่านคอมเมนต์

“สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้ก็เข้ามากันเยอะพอสมควรแล้ว เดี๋ยวน้ำใสจะเริ่มอธิบายและเคลียร์ทุกอย่างเลยนะคะ” แค่เริ่มไปได้ไม่กี่นาที คนดูก็เข้ามาดูเพราะทุกคนต่างก็อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น คอมเมนต์ถามคำถามเข้ามามากมายจนอ่านแทบไม่ทัน

“จากเรื่องที่เกิดขึ้น น้ำใสยอมรับว่าที่ผ่านมาน้ำใสโกหก เรื่องเดียวที่น้ำใสโกหกคือเรื่องฐานะที่บ้าน ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากให้ภาพลักษณ์ดูดี เพราะคิดว่าคนน่าจะชอบเยอะ น้ำใสเลยเลือกที่จะสร้างเรื่องค่ะ”

 

@_asppk : ที่ผ่านก็คือสร้างภาพนะจ๊ะคนนี้ เลิกกก พักกกก

@bbhan : เดินทางผิดไปนิดนะหนู ไม่น่าโกหกเลย

@jahevv_ : ก็เน็ตไอดอลไง มันก็เป็นแบบนี้กันทั้งวงการ

@kwssm : พ่อแม่รู้จะคิดยังไงน้อ หรือว่าสนับสนุน??

 

น้ำหวานมองเห็นคอมเมนต์แนวนี้ผ่านไปมากมาย แน่นอนว่าน้ำใสเองก็เห็นเหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน เธอคงโมโหแล้วก็ชี้หน้าด่าคนที่พูดจาแบบนั้นใส่ แต่ไม่ใช่วันนี้ น้ำใสมีสติขึ้นมากหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมา แม้จะต้องทนเห็นคำพูดบั่นทอนเหล่านั้น แต่เธอเลือกที่จะไม่โต้ตอบ เพราะรู้ดีว่ามันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย

“น้ำใสขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง เพราะอยากได้พื้นที่สื่อ อยากมีตัวตน เลยทำเรื่องไม่ดีลงไป หลังจากนี้ถ้าใครยังติดตามน้ำใสอยู่ก็ต้องขอขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ส่วนถ้าใครจะเลิกติดตามก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าเป็นสิ่งสมควรแล้วสำหรับน้ำใส”

ไลฟ์จบลงไปแล้ว ผู้ติดตามของน้ำใสลดลงไปจำนวนที่ถือว่ามาก สำหรับคนเป็นเน็ตไอดอลที่ยังอายุน้อยอย่างเธอ แต่ถึงยังไง น้ำใสเองก็ตั้งใจว่าจะพักการใช้โซเชียลไปสักช่วงหนึ่งเพื่อทบทวนตัวเอง

“ทำดีแล้วพี่น้ำใส วันนี้เสียคนฟอลไป เดี๋ยววันหน้าจะได้เพิ่มขึ้นมาอีกเป็นพันเป็นหมื่นคนเลย”

“ขอบใจนะน้ำหวาน ทำไมแกแสนดีขนาดนี้นะ”

 

 

ผ่านมาสองเดือนหลังจากวันนั้น น้ำใสเริ่มกลับมาใช้โซเชียลอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ได้โพสต์อะไรมาก เธอถ่ายรูปงานศิลปะของแม่ลงแล้วใส่ข้อความว่า “สุดยอดหม่ามี้” แค่นั้น แล้วก็หายไปอีก แต่รูปวาดของแม่เธอ มีคนกดไลค์มากถึงแปดพันกว่าคน และมีคนเข้ามาขอซื้อในราคาดีด้วย กว่าน้ำใสจะเข้าไปเห็นก็ผ่านมาหลายวัน ทีแรกเธอนึกว่าเขาจะไม่อยากได้แล้ว ปรากฏว่าเขายังรอการตอบกลับอยู่ ภาพนั้นจึงถูกขายไป ถือเป็นโชคดีอีกครั้งของครอบครัว

 

 

“เซย์ฮายค่ะทุกคน วันนี้พ่อแม่พาน้ำใสกับน้องมาหายาย เลยได้มาเล่นที่นาด้วย คือมันสวยมากทุกคน น้ำใสอยากถ่ายรูปสักร้อยรูป ฮ่า ๆๆ ว้าย! ทุกคนดู เห็นไหมคะ กบค่ะ! กบ..”

จนถึงวันนี้สภาพจิตใจของน้ำใสกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว และเธอก็กลับมาเล่นโซเชียลเป็นปกติเหมือนเดิม ยังรับงานรีวิวอยู่บ้าง เฉพาะงานที่อยากทำ ส่วนเองชื่อเสียงของน้ำใสก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะยังมีคนตามแขวะเรื่องเก่าอยู่ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจ เพราะตัวเธอเองได้ชี้แจงทุกอย่างโดยละเอียดพร้อมขอโทษไปตั้งแต่วันนั้น หากจะยังมีคนคิดไม่ดี ก็คงไปบังคับใจใครไม่ได้

น้ำใสปรับปรุงตัวเองขึ้น คิดก่อนพูด คิดให้ดีอีกครั้งก่อนทำ เธอไม่ใช่คนที่จะมาโวยวายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอเชื่อว่าทุกความคิดที่ผ่านการกลั่นกรองจะทำให้การกระทำออกมาดี และเมื่อการกระทำนั้นส่งผล ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเธอเอง

 

ดังนั้น ก่อนที่ทุกคนจะพูดหรือทำอะไร อยากให้คิดให้ดีก่อน มีสติให้มาก ๆ เพราะคุณอาจไม่โชคดีเหมือนน้ำใส การกระทำบางอย่างของคุณ อาจทำให้คุณไม่สามารถกลับไปยืนที่จุดเดิมได้อีกเลย





โดยนางสาว อภิญญา ฐิตะปัญญา , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


ศึกษาจบแล้ว เปิดเนื้อหาต่อไป